วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กริยาวลี Frasa Kerja
กริยาวลี คือคำที่ประกอบด้วยหนึ่งคำหรือหลายคำและคำหลักที่เป็นคำกริย สามารถแบ่งได้คำกริยาไม่มีกรรม(ไม่ต้องการกรรมมารองรับ) และกริยาที่มีกรรม(ต้องการกรรมมารองรับ)
ประธาน  Zsubjek)
ภาคแสดง (Predikat)
อาลี Ali
ชนะ   menang
พวกเรา kami
กำลังนอน   sedang tidur

ในประโยคข้างต้น การสร้างกริยาวลี สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
(i)                             กริยาที่ไม่ต้องการกรรม  (frasa kerja yang tidak mengandungi objek)
คำกริยาชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ นามวลีเปรียบเสมือนกรรมที่มาเป็นส่วนเติมเต็ม
ตัวอย่าง:
อาลีชนะ   (Ali menang)
ฉันกำลังนอน  ( kami sedang tidur)
ฝนตกอย่างหนัก    (Hujan turun dengan lebatnya)
ประโยคข้างต้น ถึงแม้ไม่มีนามวลีเสมือนกรรม  ก็ยังมีองค์ประกอบอื่น คือ คำช่วย อธิบายองค์ประกอบอย่างอื่น
(ii)                           กริยาวลีที่มีกรรม คำกริยาต้องมีกรรมมารองรับด้านหลังเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์
ในประโยคข้างต้นคำกริยาตามด้วยนามวลีสามารถตามด้วยคำกริยา
ประธาน( subjek)
กริยาวลี( Frasa kerjaX
คำกริยา( kata kerja)
กรรม (objek)
(Keterangan)
พวกเขาMereka
กิน makan
ไก่ทอด ayam goreng

เด็กคนนั้น  Budak itu
อ่าน Membaca
หนังสือ  buku

เขา  Dia
ทำ  menjalankan
หน้าที่นั้น  tugasnya
อย่างดี dengan baik


การสร้างกริยาวลีต้องมีกรรม (
Binaan Frasa kerja dengan objek)

กริยาวลีที่มีนามวลีเป็นเหมือนกรรม มีรูปแบบโดยคำกริยาที่มีกรรมที่เป็นคำหลัก และนามวลีที่เป็นคำกริยาเสมือนกรรมหรือส่วนตามหลัง ประโยคนามวลีที่เป็นกรรมสามารถเขียนเป็น pasip
ตัวอย่าง :
พวกเขากินไก่ทอด    (Mereka makan ayam goring itu)
ไก่ทอดนั้นถูกกินโดยพวกเขา   ( Ayam goring itu dimakan oleh mereka)
เขาจะดำเนินการทำงานด้วยดี     (Dia menjalankan tugasnya dengan baik)
การทำงานจะดำเนินการโดยเขาด้วยดี    (Tugasnya dijadikan olehnya dengan makanan.)

คำที่หนานั้นในประโยค (b) เป็นกรรมหรือองค์ประกอบที่สามรถอธิบายในประโยคที่ประธานผู้ถูกกระทำ
กริยาวลีที่มีนามวลีที่เป็นกรรม สามารถโดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

1.      กริยาวลีที่มีกรรม    (Frasa kerja dengan satu objek)
ตัวอย่าง:
ฉันตอบคำถามนั้น              (saya menjawab surat itu)
ยาตัวนั้นเพื่อบำรุงร่างกาย   (ubat itu dapat menyihatkan badan)
เรือลำนั้นลงทะเล               ( peruhu-perahu itu menyusuri pantai)

2.      กริยาวลีที่มีกรรม 2กรรม
ประโยคที่เขียนด้วย aktifแต่ไม่สามารถเขียนเป็น pasip  ดังนั้นคำกริยาในประโยคที่กล่าวไม่ใช้คำกริยาที่มีกรรมและไม่สามารถมีกรรมมารองรับ
คำกริยาไม่มีกรรมมี 3 ชนิด
1.      กริยาวลีไม่มีกรรมและไม่ต้องการส่วนเติมเต็ม (kata kerja Transitif Tanpa pelengkap)
เป็นคำกริยาไม่ต้องมีกรรมเป็นองค์ประกอบไม่ต้องมีส่วนเติมเต็มเพราะกริยาวลีนี้มีความสมบูรณ์
ตัวอย่าง:
ผู้ชมทุกคนยืนขึ้น         (semua penonton bangun.)
ต้นไม้นั้นถูกถอนราก    (pokok itu tumbang.)
พวกเขาทุกคนกลับมา     (mereka semua pulang.)

2.    กริยาวลีไม่ต้องมีกรรมแต่มีส่วนเติมเต็ม (kata kerja tak transitif pelengkap)
 คำกริยา ประกอบด้วย กริยาวลีที่ไม่มีความหมายสมบูรณ์ไม่มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์
องค์ประกอบนั้นไม่มีกรรมเพราะประโยคนั้น ไม่สามารถเขียนประโยค pasip

       (a)   คำคุณศัพท์ที่มีส่วนเติมเต็ม  (kata Adjektif sebagai pelengkap)
ส่วนเติมเต็มคำสรรพนาม เช่น ทน เลว ดี อ่อนแอ จน
ตัวอย่างเช่น:
สถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญ  (keadaanya menjadi genting)
สุขภาพพ่อของเขาดีขึ้น    ( kesihatan bapanya beransur baik)
คนในหมู่บ้านนั้นยังคงจน  (orang kampung itu masih tinggal miskin)
ร่างกายของเขาอ่อนเพลีย  ( Badannya menjadi lemah)

     (b)   บุพบทวลีที่เป็นส่วนเติมเต็ม  ( frasa sendi nama sebagai pelengkap)
วลีบุพบทเปรียบเสมือนส่วนเติมเต็ม คำกริยาไม่ต้องการครอบคลุมความหมายสถานที่ เปรียบเสมือนองค์ประกอบที่ให้ความสมบูรณ์กับคำกริยาไม่ต้องการกรรม คำกริยาดังนี้
คือ berada มี tinggal จาก menetap ชำระ  bermastautin  ผู้อาศัยmembelokเลี้ยว  singgahลงจอด
              ตัวอย่าง:
                 พวกเขามีอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์    (Mereka berada di kuala lumpur)
                 ฉันมาจากหมู่บ้าน                    (Saya tinggal di kampong)
                 ผู้อพยพได้ตั้งถิ่นฐานที่ ซือลางอ    (pendatang itu menetap di Selangor)
                 รถคันนั้นเลี้ยวซ้าย                    ( keretanya membelok ke kiri)
   (c)    คำนามที่เป็นส่วนเติมเต็ม kata nama sebagai pelengkap
มีคำกริยาไม่ต้องมีกรรมที่แน่นอนควรมีโดยส่วนเติมเต็มของคำนาม ส่วนเติมเต็มนี้โดยแตก ต่างจากคำนาม เป็นกรรมที่เป็นดั้งเดิมไม่สามารถ เป็นประธานในประโยคมี 2 กลุ่ม คำกริยาไม่ต้องมีกรรมจำเป็นต้องเพิ่มส่วนเติมเต็ม1 คำกริยาที่เป็นคำเติม

เขางดใช้แขน   (Dia berbantalkan lengan.)
ปะ กา โดะ  (berbajukan kertas.)

คำกริยาไม่กรรมมีกลุ่มที่สามรถตามโดยคำนามเป็นส่วนเติมเต็ม คือ menjadi  (เป็น )และ ada (มี)

เขาเป็นครู     (Dia menjadi guru.)
คนๆนั้นมีทรัพย์สิน  (ผorang itu ada harga).
ประเทศเราจะเป็นผู้ส่งออกสิ่งนอกโรงงาน   (Negara kita akan menjadi pengeksprt barang-barang keluaran kilang.)


การสร้างกริยาไม่ต้องมีกรรม ( Binaan Frasa kerja Tanpa objek)
กริยาที่ไม่มีนามวลีที่เป็นกรรมประกอบไปด้วย 1 ชนิดกริยาวลีที่เป็นคำหลักที่กล่าวถึงคำกริยาไม่มีกรรม คำกริยาที่ไม่มีกรรมคือ ชนิดคำกริยาที่ไม่ต้องมีอะไรตามหลัง นามวลี เสมือนกรรมที่เป็นส่วนส่วนประกอบแค่นั้น
    นามวลีเปรียบเสมือนกรรมสามรถกำหนดองค์ประกอบคำกริยาที่มีกรรมในประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำและประโยคนี้สามรถเขียนในประโยค pasip


(iii)                          คำกริยา ไม่ต้องกับคำนามเปรียบเสมือนส่วนเติมเต็ม  (kata kerja tak Transitif dengan kata nama sebagai penerang )

นามวลีเป็นคำอธิบายที่ตามคำกริยาไม่มีกรรมไม่ใช่กรรมเพื่อประโยคที่มีไม่สามารถเขียนเป็นประโยค pasip  คำนามนั้นสามารถเป็นคำอธิบายคำกริยา ไม่ต้องมีกรรมและไม่ต้องมีส่วนเติมเต็ม เป็นคำนามอธิบายโดยไม่เปลี่ยนความหมายของคำกริยา


                                                                 อ้างอิง
http://sintaksisbahasamelayu.blogspot.com/2014/02/nota-tajuk-5-binaan-frasa-kerja.html
http://sintaksisbahasamelayu.blogspot.com/2014/02/nota-tajuk-5-binaan-frasa-kerja-dengan.html
http://sintaksisbahasamelayu.blogspot.com/2014/02/nota-tajuk-5-binaan-frasa-kerja-dengan.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น